วันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ฝรั่งช่วยดับกลิ่น



ใบ ฝรั่งมีฤทธิ์ต่อระบบทางเดินอาหาร ลดการบีบรัดตัวของลำไส้ เพราะมีสารแทนนิ น จัดเป็นยาสมาน รักษาอาการท้องร่วงเฉียบพลันได้ดี ซึ่งเห็นนัก เภสัชศาสตร์ มักนำยอดอ่อนของฝรั่ง ปิ้งไฟต้มน้ำดื่ม หรือใช้ใบ ฝรั่ง 10-15 ใบ บดผสมน้ำ 1 แก้ว กรองแล้วต้ม 3 นาที เหยาะเกลือ ดื่มแก้ปวด ท้อง และ ยังสามารถดับกลิ่นปาก ดับกลิ่นลมหายใจเหม็นไดด้วย



ในใบฝรั่งมีสาร quercetetin มีฤทธิ์ยับยั้งการสังเคราะห์สาร postaglandin ใช้รักษาโรคอหิวาตกโรค

ต่อประสาท มีฤทธิ์คล้ายมอร์ฟีนป้องกันโรคลักปิดลักเปิด มีวิตมินซีมากต้านเชือแบคที่เรียและไวรัส

ดังนั้น ใบฝรั่งจึงถูกนำมาใช้ประโยชน์ทางยา เช่น แก้ท้องร่วง ล้างแผลสด แก้เหงือกบวม พิษเรื้อรัง ดูดหนองฝี รักษาโรคตามผิวหนัง แก้แพ้ยุง ดับกลิ่นปาก กลิ่นสุรา ผสมปรุงกลิ่นเครื่องสำอาง และน้ำยาบ้วนปาก

ปัจจุบันมียาสำเร็จรูปจากใบฝรั่ง ผลิตโดยองค์การเภสัชกรรม มีชื่อเป็นภาษาอังกฤษเรียก กวาว่ แคปซูล บรรจุแคปซูลละ 250 มิลลิกรัม รับประทาน 3-5 เม็ดทุก 6 ชั่วโมง แก้อาการท้องเสีย

ประโยชน์ทางโภชนาการ เป็นผลไม้ที่เต็มไปด้วยวิตามินซี โดยเฉพาะในผลสุกแต่ไม่นิยมรับประทานเพราะมีกลิ่นฉุน ผลสุกจึงถูกนำมาแปรรูปเป็นน้ำผลไม้ผสมด้วยน้ำสมุนไพรสำเร็จรูปหลายชนิด ส่วนน้ำฝรั่งที่ซื้อตามร้านอาหาร จะเป็นสีเขียวสวยงาม นั่นเป็นเพราะเจือสี ทางที่ดีทำเองก็ได้ง่ายๆ โดยนำฝรั่งสุก มาล้างให้สะอาด นำมาบดและเติมน้ำเพื่อสะดวกแก่การคั้นน้ำระหว่างบดควรเหยาะเกลือนิดหน่อย เนื่องจากเกลือจะช่วยป้องกันการเกิดยางสีดำจากผลฝรั่ง จากนั้นกรองกากทิ้งจะได้น้ำฝรั่ง ผสมน้ำเชื่อจะได้น้ำฝรั่งสดถูกหลักอนามัย เก็บในภาชนะเคือบหรือภาชนะแก้ว ปิด ฝาให้สนิท แช่ในตู้เย็น อยู่ได้นาน 5-7 วัน ไม่ควรใช้ภาชนะเหล็ก เพราะเหล็กจะทำปฏิกริยาทำให้ละลายสารในผลฝรั่ง ได้น้ำสีเขียวจนดำเป็นอันตรายต่อร่างกาย


ถ้ามีกลิ่นสาบสางจากซากหนู ที่ตายเหม็นเน่าตามซอกหลืบต่างๆ ให้รีบหาฝรั่งสุก 2-3 ลูก วางทิ้งไว้ในรัศมีของกลิ่นเหม็นโชย จะพบว่ากลิ่นไม่พึงประสงค์นั้นจะค่อยๆหายไป


ที่มา
http://www.learningthai.com/comprehension/7534.htm

วันพฤหัสบดีที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

วิธีการย่างปลาดุกให้เก็บไว้ได้นานกรอบอร่อย

ลองกันดูนะขอรับ เห็นว่าเป็นวิธีการถนอมอาหารบ้านเรา เมืองฝรั่งเขายังมีปลา แซลมอนรมควัน เราเอาแบบของเรานะขอรับ การย่างมีเคล็บลับอีกอย่างขอรับ ใช้กาบมะพร้าวเป็นเชื้อเพลิง นะขอรับหอมจริงๆ และอีกอย่างจะสุขเร็ว และไล่ยุงได้ในตัวนะขอรับลองดู


วิธีการทำ

1.นำปลาดุกมาทำการเอาไส้ออก ล้างทำความสะอาดให้เรียบร้อย
2. นำปลาดุกที่ได้ไปผึ่งแดด ประมาณ 3 – 4 ชั่วโมง เพื่อทำให้ปลาแห้ง เวลานำไปย่าง จะทำให้ได้เนื้อปลาที่กรอบนอกนุ่มใน น่ารับประทาน
3. จากนั้นก็นำไปย่างไฟอ่อนๆ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
4. เมื่อย่างเสร็จเรียบร้อย นำมาวางไว้ให้เย็น เก็บใส่ถุงพลาสติกห้ามให้อากาศเข้าได้ สามารถเก็บไว้ได้นานถึง 1 ปี

*** วิธีดังกล่าว เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะยืดระยะเวลาการถนอมอาหารให้ได้นานขึ้น การนำปลาดุกไปตากแดดก่อนนั้น จะทำให้ตัวปลาแห้ง และเวลาย่าง จะทำให้หนังปลาดุกไม่ไหม้ ออกมาสวย น่ารับประทาน และสามารถเก็บไว้ได้นานกว่าปกติ จากเดิมปลาดุกย่าง สามารถเก็บได้ไม่เกิน 6 เดือน ซึ่งถ้าย่างตามสูตรดังกล่าว สามารถเก็บปลาดุกไว้รับประทานได้ถึง 1 ปี



ที่มา : ศูนย์ทางด่วนข้อมูลการเกษตร * 1677
สถานีวิทยุร่วมด้วยช่วยกัน จ.สระบุรี ( idf 4213 )
วันจันทร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

สมุนไพรรักษาอาการผด ผื่น คัน

อาการ คันและผดผื่นบนผิวหนังเกิดขึ้นได้อยู่เสมอ เพราะบางครั้งยังเป็นการแพ้ เครื่องสำอาง น้ำหอม ผงซักฟอก หรือแม้แต่สิ่งกระตุ้นที่มองไม่เห็นอย่างฝุ่น ละออง หรือสิ่งเร้าที่มากับอากาศ ทำเอาเราต้องหงุดหงิดกวนใจกับอาการคันที่ ไม่พึงประสงค์ ทางป้องกันง่ายๆ จึงเป็นการมองหาสิ่งใกล้ตัวมาดูแลตัวเองกัน แบบธรรมชาติ เพราะในพืชผักบางชนิดมีคุณสมบัติในการลดคันและสมานผิว ที่นอก จากมีความปลอดภัยสูงแล้ว ยังอยู่ใกล้มือเราเสียด้วย ไม่ว่าจะเป็นการหยิบจาก ในครัว หรือจะปลูกเองเพื่อใช้ประโยชน์ในครัวเรือนก็ตาม และเหล่านี้คือ รายการสมุนไพรที่คุณควรมองหาทุกครั้งที่เกิดผดผื่นคัน



พลู

พลูที่เรายังคงหาซื้อได้ตามท้องตลาดนี้ นอกจากนำมาทำอาหารได้รสชาติแล้ว การนำใบสดๆ 3 - 4 ใบมาตำแล้วคั้นน้ำผสมเหล้าโรง ก็สามารถช่วยลดอาการได้ดี



ขมิ้นชัน
เป็นอีกสมุนไพรที่ดีต่อการรักษาโรคผิวหนัง โดยนำเหง้าสดล้างให้สะอาด ตำให้เกิดน้ำแล้วนำมาทาผิว ไพล คล้ายกับขมิ้นชัน นั่นคือนำเหง้าไปบดให้ผงแล้วนำไปผสมน้ำก่อนทาผิว หรือใช้เหง้าสดล้างให้สะอาด ฝนกับน้ำแล้วทาผิว


ฟ้าทะลายโจร สามารถนำใบสดมาตำ แล้วคั้นเอาน้ำมาทาบริเวณที่มีอาการผื่นคัน หรือใช้ลำต้นต้มกับน้ำมันมะพร้าวจนเปื่อย แล้วกรองเอาเฉพาะน้ำยามาทา


ตำลึง
นอกจากการเป็นอาหารรสอร่อย ตำลึงสดๆ ยังสามารถเอาไปตำให้ละเอียด คั้นแล้วผสมน้ำเล็กน้อยก็เอามาทาบริเวณที่มีอาการได้
วันเสาร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

วิธีดับกลิ่นคาวลูกชิ้นปลา


ใคร ที่ชอบรับประทานลูกชิ้นปลา ควรรีบหันมาฟังทางนี้โดยด่วน เพราะว่าคุณอาจจะ เคยเจอกับปัญหาแบบนี้ นั่นคือ เวลาที่ซื้อลูกชิ้นปลามาแล้ว ลูกชิ้นปลากลับ มีกลิ่นคาวแรงจนไม่น่ารับประทาน ทำให้ต้องทิ้งไปบ้าง แต่วันนี้เรามีวิธีใน การกำจัดกลิ่นคาวอันรุนแรงในลูกชิ้นปลามาฝากกัน

วิธีการง่าย ๆ ที่ว่าก็คือ ผสมน้ำกับน้ำส้มสายชูในปริมาณที่พอเหมาะ แล้วนำลูกชิ้นปลาลงแช่ไว้อย่างน้อยครึ่งชั่วโมง แล้วนำขึ้นมาล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้งหนึ่ง เพียงเท่านี้ กลิ่นคาวที่มากับลูกชิ้นปลาก็จะหมดไป นำไปประกอบอาหารก็ไม่มีกลิ่นมากวนใจ และไม่ทำให้อาหารเสียรสชาติอีกด้วย...

แหล่งข้อมูล : คู่มือคู่ครัว
ที่มา : ศูนย์ทางด่วนข้อมูลการเกษตร * 1677
สถานีวิทยุร่วมด้วยช่วยกัน จ.สระบุรี

เทคนิคการหุงข้าวหอมนิลให้นุ่ม-อร่อย



ข้าว เจ้าหอมนิลเป็นข้าวที่ได้รับการคัดเลือกและพัฒนาจนได้ข้าวที่มีเมล็ด ข้าวกล้องเรียวยาว สีม่วงเข้ม ข้าวกล้องเมื่อหุงสุกจะนุ่ม เหนียว หอม ข้าว สารหุงสุกมีสีม่วงอ่อน นุ่ม และมีกลิ่นหอมเช่นกัน คุณสมบัติที่สำคัญของข้าว เจ้าหอมนิลคือ ข้าวกล้องมีโปรตีนสูงถึง 12.5 เปอร์เซ็นต์ ปริมาณคาร์โบ ไฮเดรต 70 เปอร์เซ็นต์ และยังประกอบไปด้วยธาตุเหล็ก สังกะสี ทอง แดง แคลเซียม และโพแทสเซียม ซึ่งสูงกว่าข้าวขาวดอกมะลิ นอกจากนี้ลักษณะดี เด่นของข้าวเจ้าหอมมะลิที่พบนอกจากคุณค่าทางโภชนาการได้แก่ ทรงต้นเตี้ย แตก กอดี เมล็ดมีน้ำหนักดี อายุสั้นเพียง 90 วัน ทำให้สามารถปลูกได้ถึง 3 ครั้ง ต่อปี ดังนั้นหากได้รับการจัดการที่เหมาะสมในการผลิตต่อปีสูงกว่าข้าวพันธุ์ อื่น ๆ ข้าวหอมนิลนั้นหลายๆคนคงจะนิยมชมชอบในรสชาด แต่เวลาหุงข้าวหอมนิล รับประทานทีไรมักจะไม่นุ่ม วันนี้คุณประไพ ชิดไพโรจน์ ได้นำเกร็ดความรู้มี วิธีการหุงข้าวหอมนิลมาฝากผู้ที่สนใจ

สำหรับการวิธีหุงข้าวหอมนิลนั้น คือ อัตราส่วนในการหุงจะต้องใช้ข้าวหอมนิล 1 ส่วน ต่อน้ำ 3 ส่วน เริ่มต้นจาก ล้างข้าวหอมนิลให้สะอาด 2 รอบ จากนั้นก็แช่ข้าวหอมนิลไว้ในน้ำทิ้งไว้อีกประมาณ 30 นาที จึงจะนำไปหุงได้ หรือ อาจใช้วิธีใส่ข้าวขาวขัดผสมลงไปในอัตราส่วน ข้าวหอมนิล 1 ส่วน ข้าวขาวขัด 1 ส่วน ต่อน้ำ 4 ส่วน ทั้ง 2 วิธีนี้จะทำให้ข้าวหอมนิลนั้นนุ่มน่ารับประทานมากขึ้น ใครที่ยังรับประทานข้าวหอมนิลแข็งๆอยู่ก็อย่าลืมนำวิธีนี้ไปใช้ได้

ที่มา : ศูนย์ทางด่วนข้อมูลการเกษตร * 1677
สถานีวิทยุร่วมด้วยช่วยกัน จ.สระบุรี ( idf 4282 )