วันศุกร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ใบชากำจัดกลิ่นในไมโครเวฟ



ใบชา(1)กำจัดกลิ่นในไมโครเวฟนำใบชาใส่ถ้วยเติมน้ำพอท่วมวางในเครื่อง
ใบชา(2)เปิดให้ร้อน3นาที แล้วปล่อยใบชาทิ้งไว้ในตู้ข้ามคืนกลิ่นก็จะหายไป

การกำจัดกลิ่นในเตาไมโครเวฟ ให้นำใบชาใส่น้ำพอท่วม ใส่เข้าไปในตู้ไมโครเวฟแล้วเปิดเครื่องให้น้ำร้อนสัก ๓ นาที จากนั้นปล่อยใบชาทิ้งไว้ในตู้ทิ้งข้ามคืน ถึงรุ่งเช้ากลิ่นก็จะหายไป แต่หากกลิ่นสะสมมานาน อาจจะต้องทำหลายรอบ ทางที่ดีควรหมั่นทำความสะอาดและดูดกลิ่นเป็นประจำจะดีที่สุด หรือหากจะใช้อีกวิธีก็ได้คือ ใส่น้ำในชามที่ใช้กับไมโครเวฟได้ ๑ แก้ว แล้วใส่ดอกไม้หรือเครื่องเทศที่มีกลิ่นหอมลงไป จากนั้นนำไปใส่ในเตาเปิดเครื่องไว้สัก ๗ นาที แล้วเปิดฝาออก กลิ่นหอมก็จะอบอวลไปทั่วห้อง เป็นการกำจัดกลิ่นที่รวดเร็วขึ้น


วันอาทิตย์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2552

มะละกอสำหรับตำส้มตำ ทำอย่างไรให้กรอบอร่อยไม่นิ่มเละ

(1)ต้องการเส้นที่กรอบมาทำส้มตำให้แช่น้ำแล้วบีบมะนาวลงไปเล็กน้อย
(2)แช่ไว้สักครู่ก่อนนำเส้นขึ้นมาสะเด็ดน้ำแล้วนำไปตำส้มตำ
เทคนิคง่ายๆกับการทำให้เส้นมะละกอกรอบไม่และเวลานำมาทำส้มตำ


แปลกจริงหนอ!!!!!!!!......เวลาลุกขึ้นมาตำส้มตำทานเอง เจ้ามะละกอที่เราสับเองกับมือมันกับเส้นนิ่มเละ ตำแล้วทานไม่อร่อยเหมือนกับที่ซื้อจากเจ้าประจำหน้าปากซอยมาทานเอาเสียเลย จะว่าสับเส้นเล็กก็ไม่ใช่ จะว่าตำนานไปก็ไม่เชิงเทคนิคง่ายมาก คว้ามะนาวขึ้นมาเลย หนึ่งลูก หรือจะใช้เปลือกมะนาวที่บีบเอาน้ำเตรียมสำหรับปรุงรสส้มตำออกแล้วก็ได้


เอามะละกอที่สับเสร็จเรียบร้อยแล้วใส่ลงในอ่าง ใส่น้ำเปล่าลงพอท่วมเส้นมะละกอ ตามด้วยเปลือกมะนาว ถ้ากลัวเปลือกไม่พอ บีบน้ำมะนาวตามลงไปอีกหน่อย คลุกเบาๆ ย้ำ..เบาๆ แช่ทิ้งไว้สักครู่ ก่อนจะนำเส้นมะละกอขึ้นมาสะเด็ดน้ำนำไปตำส้มตำตามปรกติ แปลกมาก เส้นกรอบอร่อยจนแทบไม่น่าเชื่อ ลองดูสิได้ผลแน่นอน


ที่มา
http://www.thaifooddb.com/tips/tips041.html
วันพุธที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2552

เคล็ดลับในครัวเรือนที่ควรรู้

กล้วยน้ำว้า(1)วิธีต้มไม่ให้ดำใส่กิ่งมะขามที่มีใบติดอยู่สัก3กิ่ง
กล้วยน้ำว้า(2)ต้มพร้อมกล้วย แค่นี้ก็จะได้กล้วยสีขาวน่ากินแล้ว



แม้ ว่าสาวๆในยุคปัจจุบัน จะไม่ต้องเข้าครัวทำกับข้าวกับปลาเหมือนแม่บ้านใน สมัยก่อน เพราะสามารถหาซื้ออาหารที่ปรุงสำเร็จได้จากร้านค้า หรืออาจจะผูก ปิ่นโตกับเจ้าประจำได้ก็ตาม แต่ก็คงมีบางครั้งบางคราที่สาวสมัยใหม่อาจจะ นึกสนุกอยากเข้าครัวทำอาหารมารับประทานกันเอง หรือทำให้คนใกล้ชิดได้ลองลิ้ม ชิมรส “เสน่ห์ปลายจวัก” ของตนดูบ้าง ครั้นแล้วก็เจอะเจอปัญหาเกี่ยวกับการ ทำอาหารบางชนิด หรือเครื่องใช้ไม้สอยในครัวเรือนบางอย่างที่แก้ไม่ตก ดัง นั้น กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวง วัฒนธรรม จึงขอนำเคล็ดลับบางประการจากหนังสือ “จิปาถะ สารพันกลเม็ดเด็ด พราย” ที่เป็นประโยชน์ทั้งเรื่องในครัว และอาหารการกินมาเสนอให้ลองไปใช้ ดู ดังนี้
เริ่มจากของคู่ครัวคือ กระทะ ทำอย่างไร มิให้ทำอาหารอะไรก็ติดกระทะ อาจจะเพราะนานๆที สาวเจ้าจะได้หยิบกระทะมาทำอาหารสักที ดังนั้น พอนึกจะใช้กระทะทอดหรือผัดอะไรที อาหารนั้นๆก็มักจะติดกระทะอยู่ร่ำไป วิธีแก้เขาบอกว่า ให้นำกระทะใบดังกล่าวไปตั้งไฟให้ร้อน แล้วโรยเกลือป่นลงไปพอประมาณ ทิ้งไว้สัก ๕ นาที จากนั้นเอาตะหลิวคลุกเขี่ยเกลือไปให้ทั่วกระทะ แล้วก็ทำความสะอาดกระทะเสีย คราวนี้แหละทำอาหารอะไร ก็ไม่มีติดกระทะแล้ว

-วิธีกำจัดกลิ่นคาวในกระทะ เมื่อทอดปลาเสร็จแล้ว หลายคนมักพบปัญหากลิ่นคาวติดกระทะ เราก็สามารถแก้ไขได้โดย บีบมะนาวลงไปชโลมไล้กับน้ำมันที่ทอดปลาในกระทะนั่นแหละ แล้วเช็ดคราบน้ำมันออกมา แค่นี้ก็หายคาวแล้ว หรือจะใช้น้ำชาชงแก่จัดๆล้างแทนน้ำเปล่าก็ได้ และหากจะทำความสะอาดก้นกระทะที่มีเศษอาหารไหม้ติดอยู่ ก็ทำได้โดยการโรยเบ็คกิ้งโซดาลงไปให้ทั่วบริเวณที่มีเศษอาหารไหม้ จากนั้นให้ใช้น้ำส้มสายชูผสมน้ำร้อนในสัดส่วนเท่าๆกันเทลงในกระทะ ก็จะช่วยให้เศษไหม้เกรียมนั้นหลุดออกได้ง่ายขึ้น หรือจะใช้เบกิ้งโซดาผสมน้ำ ใส่แช่กระทะทิ้งไว้ค้างคืนแล้วล้างออกก็ได้ แต่หากชอบรุนแรง เขาบอกว่าสามารถเทน้ำเย็นใส่กระทะในขณะที่กระทะกำลังร้อนอยู่ ก็จะทำให้เศษอาหารไหม้หลุดออกมาได้เช่นกัน แต่วิธีหลังนี้ต้องระวังว่าน้ำร้อนกระเด็นเข้าตาจนเป็นอันตรายได้ ในกรณีกระทะเป็นสนิม เขาให้ใช้หนังหมูติดมันกับต้นกุ่ยช่าย ๑ กำมือแก้ โดยนำกระทะขึ้นตั้งไฟให้ร้อนจัด แล้วเอาหนังหมูติดมันมาทาถูให้ทั่วกระทะ แล้วเอาต้นกุ่ยช่ายม้วนเป็นก้อน ถูไปถูกมาให้ทั่วกระทะอีกที ถูจนต้นกุ่ยช่ายมีสีเหลือง ก็นำกระทะไปล้างให้สะอาด แค่นี้สนิมก็จะถูกกำจัดออกไปแล้ว กรณีเพิ่งซื้อกระทะมาใหม่ๆ ก่อนใช้เขาให้เราเทน้ำส้มสายชูลงไปในกระทะ ตั้งไฟให้เดือดสัก ๕ นาที (อย่าลืมปิดจมูกด้วยเพราะกลิ่นน้ำส้มสายชูจะฉุนมาก) แล้วล้างออกให้สะอาด วิธีนี้จะช่วยเวลาทำอาหารๆจะไม่ติดกระทะด้วย หรือจะใช้น้ำข้าวเทลงกระทะ พร้อมตั้งไฟกลางๆเคี่ยวจนแห้ง แล้วล้างให้สะอาดก็ได้เช่นกัน

-กรณีมีดที่ใช้เป็นสนิม เขาให้ใช้เปลือกมะนาวสดที่เราบีบน้ำออกแล้ว ไปถูที่มีด หรือจะผ่าหอมหัวแดงออก แล้วไปทาที่มีดบริเวณที่เป็นสนิมเบาๆ หรือทาให้ทั่วมีดก็ได้ สนิมก็จะหลุดออกมาโดยง่าย

-กาต้มน้ำมีตะกรัน หากมีไม่มาก ให้ลองเอาเปลือกหอยใส่ลงในกาต้มน้ำ จากนั้นตั้งไฟให้เดือด ๕ นาที แล้วปล่อยให้เย็น ตะกรันก็จะย้ายมาจับที่เปลือกหอยแทน แต่ถ้ามีตะกรันมาก ให้ใช้น้ำส้มสายชูผสมน้ำในปริมาณเท่าๆกัน เทใส่กาต้มน้ำตั้งไฟให้เดือด แล้วทิ้งค้างไว้ ๑ คืน ตอนเช้าค่อยมาล้างให้สะอาด แค่นี้ตะกรันก็จะหลุดออกมาโดยง่าย

-การกำจัดกลิ่นในเตาไมโครเวฟ ให้นำใบชาใส่น้ำพอท่วม ใส่เข้าไปในตู้ไมโครเวฟแล้วเปิดเครื่องให้น้ำร้อนสัก ๓ นาที จากนั้นปล่อยใบชาทิ้งไว้ในตู้ทิ้งข้ามคืน ถึงรุ่งเช้ากลิ่นก็จะหายไป แต่หากกลิ่นสะสมมานาน อาจจะต้องทำหลายรอบ ทางที่ดีควรหมั่นทำความสะอาดและดูดกลิ่นเป็นประจำจะดีที่สุด หรือหากจะใช้อีกวิธีก็ได้คือ ใส่น้ำในชามที่ใช้กับไมโครเวฟได้ ๑ แก้ว แล้วใส่ดอกไม้หรือเครื่องเทศที่มีกลิ่นหอมลงไป จากนั้นนำไปใส่ในเตาเปิดเครื่องไว้สัก ๗ นาที แล้วเปิดฝาออก กลิ่นหอมก็จะอบอวลไปทั่วห้อง เป็นการกำจัดกลิ่นที่รวดเร็วขึ้น
-วิธีเก็บข้าวกล้องไม่ให้เป็นมอด เมื่อซื้อมาแล้ว เขาให้เรานำไปเก็บไว้ในตู้เย็นทันที โดยเก็บในช่องธรรมดาสัก ๕ วัน แล้วค่อยนำออกมาไว้ข้างนอก จะช่วยกันมอดได้ หรือใช้เกลือป่นโรยในข้าวกล้องที่ซื้อมา ๑ ช้อนชาต่อข้าว ๑ กิโลกรัมก็ได้
-วิธีต้มกล้วยไม่ให้ดำ เมื่อจะต้มกล้วยน้ำว้า เขาให้เราใส่กิ่งมะขามที่มีใบติดอยู่ลงไปต้มพร้อมกล้วยเลย สัก ๓ กิ่ง แค่นี้ก็สามารถต้มกล้วยให้ขาวได้แล้ว

-ขจัดกลิ่นฉุนขณะผัดอาหาร เวลาที่ปรุงอาหารด้วยหัวหอม กระเทียมหรืออาหารอื่นที่มีกลิ่นฉุนไปทั้งบ้าน หากจะดับกลิ่นเหล่านี้ สามารถทำได้ด้วยการใช้น้ำส้มสายชูรินใส่ถ้วยวางไว้ใกล้ๆ กับเตาที่เราใช้ผัดอาหารนั่นแหละ เขาบอกว่าวิธีนี้จะช่วยดับกลิ่นฉุนของอาหารที่เราทำได้โดยเร็วเลยแหละ แต่ถ้าทำอาหารแล้วกลิ่นคาวไม่ว่าจะเป็นกลิ่นกุ้งหอย ปูปลา ติดมือให้ใช้ใบชาชงกับน้ำร้อน ล้างมือ ยิ่งแก่ยิ่งดับคาวได้ดี (แต่อาจเปลืองใบชาสักหน่อย) และถ้ามีเปลือกมะนาวก็ใส่ลงไปด้วยสัก ๓ ชิ้นก็จะช่วยขจัดกลิ่นคาวได้ดี เวลาใช้ควรใช้ตอนน้ำชากำลังอุ่นๆ จึงจะได้ผลดี

-คั้นกะทิให้ได้ความมัน (กรณีไม่ไปซื้อกะทิสำเร็จรูป) เขาก็มีเคล็ดลับว่าให้โรยเกลือป่น ๑ ช้อนชาลงในมะพร้าวที่จะคั้น คลุกเคล้าให้ทั่ว แล้วค่อยคั้นน้ำ ความเค็มนี่แหละที่จะช่วยรีดความมันให้ออกมาอย่างรวดเร็ว

-วิธีแกะกุ้งขนาดเล็กมากๆ ซึ่งมักจะแกะยาก เพราะติดเปลือก วิธีแกะให้ง่ายเข้าคือ ให้เอากุ้งที่ว่าไปลวกเสียก่อน แล้วค่อยมาแกะ จะทำให้แกะกุ้งตัวเล็กตัวน้อยได้สะดวกขึ้น

-ทอดไข่เจียวให้ฟูและนิ่มกินอร่อย ไม่ใช่เรื่องยาก เวลาเราตีไข่ให้หยอดน้ำมะนาวลงไปในไข่สัก ๕ หยด แล้วตีให้เข้ากัน พอตีไข่เสร็จ เทลงกระทะทอดตามปกติ เพียงแค่นี้ไข่เจียวก็จะฟูและอ่อนนุ่มน่ากิน

-วิธีต้มไข่ต้ม ไม่ให้แตก จนดูไม่น่ากิน เขาให้ใส่เกลือ ๑ ช้อนชาลงในน้ำที่จะต้มไข่ ไข่ก็จะไม่แตกหรือไม่ทะลักเล็ดออกมาอีกต่อไป แต่ไม่ควรต้มเกิน ๑๐ นาที เพราะจะทำให้เนื้อไข่แข็งกระด้าง กินแล้วย่อยยากขึ้น

-ทอดปลาไม่ให้ติดกระทะ ปัญหานี้อย่าว่าแต่แม่บ้านมือใหม่หัดเข้าครัวเลย แม้แต่แม่บ้านมือโปรก็เจอปัญหานี้ประจำ วิธีแก้คือ เมื่อน้ำมันในกระทะร้อนพอที่จะทอดปลาแล้ว อย่าเพิ่งใส่ปลาลงไป แต่ให้ใช้ขิงสดหั่นบางๆสัก ๓ ชิ้น ใส่ลงทอดในกระทะก่อน พอขิงเริ่มเกรียมก็ตักออกไป แล้วจึงใส่ปลาลงไปทอด ปลาก็จะไม่ติดกระทะอีกต่อไป

-ดับกลิ่นหืนในน้ำมันพืช เมื่อเก็บน้ำมันพืชไว้นานๆ บางทีก็มีกลิ่นเหม็นหืน ทำให้อาหารที่นำไปทอดมีรสชาติไม่ดีไปด้วย วิธีแก้ง่ายๆ คือ เมื่อเทน้ำมันลงในกระทะแล้ว ให้ใส่ใบเตยหรือหอมแดงทุบลงไปด้วย จะทำให้กลิ่นเหม็นหืนของน้ำมันพืชหมดไป และทำให้อาหารที่ทอดมีความหอมและรสชาติดีขึ้นด้วย

-วิธีทอดอาหารให้น้ำมันกระเด็นน้อยลง เขาให้โรยเกลือป่นลงไปในกระทะนิดหน่อย แค่นี้น้ำมันในกระทะก็จะกระเด็นออกมาน้อยลง หรือแทบไม่กระเด็นเลย



-วิธีลดความเค็มในแกงจืดหรือแกงกะทิ ซึ่งบางครั้งปรุงแล้วเกิดเค็มเกินเหตุ จะแก้ด้วยการเติมน้ำให้ความเค็มเจือจาง ก็จะทำรสชาติอื่นๆจางไปด้วย อีกทั้งต้องปรุงโน่นเติมนี่ไม่จบง่ายๆ ดังนั้น หากเราใส่น้ำปลาหรือเกลือในแกงหนักมือไปหน่อย จนทำให้น้ำแกงเค็มเกินไป สามารถแก้ได้โดย นำข้าวสารที่ล้างสะอาดห่อด้วยผ้าขาวบางให้เรียบร้อย ใส่ลงไปต้มในน้ำแกงเจ้าปัญหาของเรา ทิ้งไว้สักพัก ความเค็มก็จะถูกดูดออกไป ถ้ารอบเดียวยังเค็มอยู่ ก็อาจทำรอบสอง โดยเปลี่ยนข้าวสารใหม่อีกครั้ง แต่ส่วนใหญ่รอบเดียวก็หายเค็มแล้ว

-วิธีแก้ความเผ็ด หากกิน เผ็ดมากไป จนปากจะพอง ให้ดื่มน้ำหรือน้ำชาอุ่นๆค่อนข้างร้อนหน่อย จะทำให้หายเผ็ดได้เร็วขึ้น หรือจะใช้น้ำปลากลั้วให้ทั่วปากสัก ๒ นาทีก็ได้ อาการจะดีขึ้น

ข้อที่พึงระวัง -ไม่ควรใช้กระดาษฟอยล์กับอาหารที่มีความเป็นกรด เช่น มะนาว มะเขือเทศ หัวหอม เป็นต้น เพราะกรดในอาหารเหล่านี้จะทำปฏิกิริยาเคมีกับกระดาษฟอยล์ มีผลให้รสชาติอาหารเปลี่ยน และยังเป็นอันตรายต่อร่างกายด้วย โดยเฉพาะฟอยล์ที่ใช้แล้วไม่ควรนำมาใช้อีก โดยเฉพาะการห่ออาหารเพื่อแช่ในตู้เย็น เพราะรอยยับย่นในกระดาษที่ใช้แล้ว จะมีรูเล็กรูน้อยเกิดขึ้น และเป็นตัวการทำให้อากาศจากภายนอกสามารถรั่วเข้าไปในอาหารได้

-อาหารบางชนิดไม่เหมาะกับภาชนะที่ทำด้วยเงิน เช่น ไข่ เกลือ น้ำมันมะกอก น้ำสลัด น้ำผลไม้คั้น เป็นต้น เพราะผลไม้ หรือดอกไม้บางชนิดมียางเป็นกรด อาจมีฤทธิ์กัดกร่อนจนผิวภาชนะเงินเป็นรอยได้ เวลาใช้จึงควรมีภาชนะอื่นรองรับอีกทีหนึ่ง

หวังว่าเคล็ดลับในครัวเรือนเหล่านี้ จะช่วยให้สาวสมัยใหม่ได้นำไปใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อการเป็นแม่ศรีเรือนที่มี ความรู้คู่ความงามอย่างไม่ล้าสมัยในยุคปัจจุบัน


................................
อมรรัตน์ เทพกำปนาท กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม
เรียบเรียงจากหนังสือจิปาถะ สารพันกลเม็ดเด็ดพราย ติดต่อทีมงานจัดทำได้ที่ โทร. ๐๘๖ ๗๘๕ ๒๙๘๒
เขียนเมื่อ กันยายน ๒๕๔๙
ที่มา: สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม. http://www.culture.go.th/
วันอาทิตย์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2552

วิธีเก็บหอมหัวใหญ่ไว้ใช้ได้นาน ๆ

การเก็บไว้ใช้นานๆโดยไม่ให้แตกรากแทงใบออกมา ใส่ถุงกระดาษ
สีน้ำตาลพับปิดปากถุงแช่ในตู้เย็นช่องแช่ผักจะอยู่ได้นานขึ้น


การเก็บหอมหัวใหญ่ให้สดใหม่ใช้ได้นาน




เคยไหมเก็บหอมหัวใหญ่ไว้นานไปหน่อย หอมหัวใหญ่มักจะแตกราก แทงใบออกมาเป็นต้นอยู่บ่อย ๆ (ช่างเป็นพืชที่ปลูกง่าย โตง่ายซะจริงหนอ) วิธีเก็บหอมหัวใหญ่ ไว้ให้ใช้ได้นาน ๆ ให้ใส่หัวหอมใหญ่ในถุงกระดาษสีน้ำตาล พับปิดปากถุง ใส่ไว้ในช่องแช่ผัก หัวหอมใหญ่จะอยู่ได้นานขึ้น

ที่มา
http://www.thaifooddb.com/tips/tips086_keeping_onions.html
วันพฤหัสบดีที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2552

Test New Blog For G-diy.blogspot.com